เวลาที่เราใช้ SharePoint ไปนานๆ การเก็บเอกสารต่างๆก็คงมีมากขึ้นใช่มั๊ยครับ? หรือตอนเราเริ่มต้นกิจการใหม่ๆ เรามีเงินน้อยสเปคเครื่องอาจจะไม่สูง แต่พอใช้งานไปเรื่อยๆ เราก็มีเงินมาจัดการเรื่อง Server ได้ สิ่งที่ผมเจอมาสดๆร้อนๆ ก็เป็นแบบนี้แหละครับ มีการซื้อเครื่อง Server มาใหม่ เพื่อนเอามาทำเป็น Databases Server โดยเพิ่มความเสถียรด้วยการวางลงใน cluster อีกทีนึง (อลังการ) ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย
ถ้า Database ตัวนั้นไม่ได้เก็บ Database ของแชร์พอทย์ และทีสำคัญ (แอบเผา) ผมเพิ่งรู้ก่อนวันไมเกรท วันเดียว ฮ่วย!!! ชีวิตอาภัพจริงๆ
แว๊บแรกที่ผมนึกออก ก็คือ การใช้ Backup / Restore หรือ การ ใช้ Export /Import แต่เดี๋ยวก่อนซาร่า นั้นหมายความว่า เราจะ Migrate แชร์พอทย์ หรือเปล่า?? แต่เราจะย้ายแต่ Database หนิ ไม่ได้ย้าย SharePoint งานเข้าสิทีนี้ ทำไงดีๆ
Google สิคับ ได้ออกมาลิงค์นึง Move all databases (Windows SharePoint Services 3.0 อ่านไปซักพัก โอ้ มันง่ายอะ ง่ายจนน่ากลัว (จิตตกว่างั้น) ถึงมันจะประหลาดๆ ในความรู้สึกไปหน่อย
สิ่งที่ผมจะต้องทำ มีแค่นี้ครับ
- Stop SharePoint Service ทั้งหมด รวมถึง Search และ IIS ด้วย
- ปล่อยให้ทีม Database ทำงานไป แล้วแค่บอกเรามาว่า ย้ายไปที่ไหน เวลาผ่านไปไวเหมือนการ์ตูน ย้ายเสร็จแล้ว
- ไปที่เครื่อง SharePoint (พอดีผมมีเครื่องเดียว) พิมพ์คำสั่ง CliConfg ที่ Run
- ก็จะมีหน้า Dialog box โผล่มาแบบนี้ ผ่างง ทำใจดีๆ เพราะใกล้จะเสร็จแล้วนะ ขอบอก
เราก็ คลิ้กที่ TCP/IP แล้วก็กด Enable - ไปที่ Tab Alias แล้วเราก็ตรวจดูว่าว่างปล่าวสะอาดตา (ซึ่งควรจะเป็นแบบนั้น) แล้วเราก็กด Add จะมีหน้าจอ โผล่ขึ้นมาให้เราใส่ค่าของ Database Server ลงไป แบบนี้
โดยที่ NewSERVERName ถ้ามีหลาย instance ก็ใส่ instance ลงไปด้วยเช่น NewSERVERName\instance_SP เป็นต้น - คราวนี้เราก็นั้่งรถไปศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแล้วก็สักการะบูชา พอเป็นกำลังใจแล้วก็กลับมา Enable Service ต่างๆ ที่ปิดไป
- แชร์พอทย์ของเรา ก็จะใช้งานได้ตามปกติ
ที่ผมบอกว่าแปลกก็คือ ทำไม SharePoint ไม่มีการเก็บ ค่า connection string แบบชาวบ้านเค้า เพราะการทำแบบนี้มันไม่ค่อยยั่งยืน เนื่องจาก บางครั้งเราต้องการ control ชื่อ เครื่อง Server หรือแม้กระทั้ง Record บน DNS การทำแบบนี้ทำให้ ชื่อเก่ามันยังอยู่ ดูแล้วหงุดหงิดใจ
สวัสดี